“”
ภูเขาไฟอุสุ (Mount Usu) จากสถานีขนส่งโทยะโกะออนเซ็นจะนั่ง Donan Bus หรือรถบัส 100 เยนก็ได้ (วางแผนให้ดี เพราะมีรถวิ่งวันละไม่กี่เที่ยว) ไปยังสถานีกระเข้าไฟฟ้าอุสุซัง (Usuzan Ropeway) เพื่อขึ้นไปยังยอดเขาอุสุ ใช้เวลา 6 นาทีก็อยู่บนยอดภูเขาไฟที่ได้ชื่อว่าระเบิดบ่อยที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งในช่วง 100 ปีที่ผ่านมามีการปะทุใหญ่ถึง 4 ครั้ง ค.ศ.1910,1 943,1 977 และปี 2000 การระบิดแต่ละ ครั้งทำให้ลักษณะภูมิประเทศรอบบริเวณนี้เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการปะทุในปี 1943
ก่อนที่ภูเขาไฟอุสุจะระเบิด เนินดินตรงเชิงภูเขาไฟได้ดันตัวยกสูงขึ้น โดยมีก้อนหินสีแดงค่อยๆโผล่งอกขึ้นมาจากพื้นดิน โดยผู้ที่สังเกตเห็นคือ นายมิมัตสี มาซาโอะ (Mimatsu Masao) อาชีพนายไปรษณีย์ เขาจึงเฝ้าติดตามถ่ายรูปการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกระยะและลงทุนควักกระเป๋าซื้อที่ดินตรงนี้ไว้ แต่ข่าวการเกิดภูเขางอกก็ไม่ได้รับการเผยแพร่ออกไปให้คนญี่ปุ่นทราบ เพราะทางการปิดข่าวนี้ไว้ เนื่องจากในช่วงเวลานั้นตรงกับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และญี่ปุ่นก็เข้าสู่ภาวะสงครามเต็มตัว
จนกระทั่งภูเขาไฟอุสุเกิดการระเบิดใหญ่ในปี 1943 ยอดเขาที่ว่าจึงหยุดการเจริญเติบโต จึงมีการตั้งชื่อภูเขาน้องใหม่นี้ว่า โชวะชินซัง (Showa Shinzan) ซึ่งตรงกับสมัยโชวะ (Showa period : 1926-1989) ของญี่ปุ่นในขณะนั้น มีการสร้างรูปปั้นของนายไปรษณีย์มิมัตสึ มาชาโอะ กำลังส่องสำรวจภูเขาและหอที่ระลึกไว้ตรงเชิงเขานี้ด้วย และชาวญี่ปุ่นก็ถือว่าเจ้าของภูเขาไฟน้องใหม่ลูกนี้ก็คือนายไปรษณีย์คนนี้นั่นเอง
หากขึ้นไปบนยอดภูเขาไฟอุสุ จะมองเห็นยอดภูเขาไฟโชวะชินชังตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างชัดเจน บางทีจะเห็นควันขาวพุ่งออกมาจากก้อนหินสีแดงบนยอดเขา ซึ่งมีความร้อนสูงมาก เป็นยอดเขาที่หิมะไม่อาจปกคลุมได้ในฤดูหนาว และอีกฟากหนึ่งของทะเลสาบจะมองเห็นยอดเขาโยเตอิฟูจิน้อยแห่งฮอกไกโดได้เช่นเดียวกัน บนยอดเขาอุสุ มีจุดชมวิวที่มองลงมาเห็นทะเลสาบโทย่าได้ทั้งหมด หากอยากไปดูปล่องภูเขาไฟที่ยังมีควันปะทุ ก็มีทางเดินบนยอดเขาไปถึงได้ (เดินประมาณ 7 นาที)